Page 5 - ข่าวรามคำแหง ปีที่ 49 ฉบับที่ 4 วันที่ 6-12 พฤษภาคม 2562
P. 5
วันที่ ๖ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ข่าวรามคำาแหง ๕
เศรษฐศาสตร์ 101
เศรษฐศาสตร์ 101
คณะเศรษฐศาสตร์ รศ.อสัมภินพงศ์ ฉัตราคม
คณะมนุษยศาสตร์ อาจารย์ตูซาร์ นวย
ตอน นักเรียนเศรษฐศาสตร์เขาเรียนอะไรกัน (2)
การซื้อผลไม้ (4)
เมื่อตอนที่แล้วผมสรุปว่าคนเรียนเศรษฐศาสตร์นั้นเขาเรียนเกี่ยวกับอะไรไปได้
“ผลไม้” ภาษาเมียนมาพูดว่า [อะตี้] แค่ครึ่งแรกของสาขาเศรษฐศาสตร์จุลภาค ในตอนนี้จึงจะสรุปต่อให้จบเพื่อที่
หรือ [ติตี้] ประโยคตัวอย่างในการซื้อผลไม้เป็นภาษาเมียนมามีดังนี้ จะได้ต่อในส่วนเศรษฐศาสตร์มหภาค ซึ่งน่าจะกินเนื้อที่เข้าไปอีก 2 ตอนเหมือนกัน
ตัวอย่างบทสนทนา หลังจากที่เรียนเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานและการก�าหนดราคาตลาด
ไปแล้ว คนที่เรียนเศรษฐศาสตร์จุลภาคขั้นพื้นฐานก็จะต้องเรียนทฤษฎีที่จะพิสูจน์
กฎของอุปสงค์และกฎของอุปทานต่อไป เริ่มจากการพิสูจน์กฎของอุปสงค์
[เซ้แวตู] [ตี้มเว้ งะปยอตี้ ตะพี้ เป้ปา]
ลูกค้า “ขอกล้วยหอมหนึ่งหวีค่ะ” ก่อนว่าท�าไมเมื่อราคาสินค้าใดแพงขึ้น อุปสงค์หรือความต้องการซื้อสินค้านั้น
จึงลดลง ทฤษฎีที่ใช้อธิบายเรื่องนี้ในสมัยแรก ๆ จะเป็นทฤษฎีอรรถประโยชน์
(utility) ซึ่งค�านี้แปลได้ง่าย ๆ ว่าความพอใจที่ได้จากการบริโภคสินค้าซึ่งจะสมมุติ
[เซ้เย้าตู] [ตี้มเว้ งะปยอตี้โก แบโล อะเน มโย้ โลชินแล้] ว่าวัดค่าเป็นตัวเลขได้ ในการตัดสินใจซื้อสินค้าใดผู้ซื้อจะเปรียบเทียบความพอใจ
คนขาย “อยากได้กล้วยหอมแบบไหนครับ” ที่ได้รับเพิ่มจากสินค้าหน่วยนั้นกับความพอใจที่เสียไปจากการจ่ายเงินที่วัดค่าเป็น
ตัวเลขได้เหมือนกัน ตราบใดความพอใจที่เพิ่มจากสินค้ายังมากกว่าความพอใจ
[เซ้แวตู] [แน้แน้ เซ้นเนเต้ตาโก เป้บา] ที่สูญเสียไปจากการจ่ายเงิน ผู้บริโภคก็จะรู้สึกคุ้มค่าที่ซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น
ลูกค้า “ขอแบบที่ยังดิบอยู่สักหน่อย” เนื่องจากเมื่อคนได้สิ่งใดมากขึ้นเรื่อยๆ ความพอใจที่จะได้รับเพิ่มจาก
สิ่งนั้นก็จะลดลงเช่นเสื้อตัวแรกที่ซื้อจะให้ความพอใจเพิ่มมากกว่าเสื้อตัวที่
[เซ้เย้าตู] [ดีเลาะ เซ้นเนเต้ยีน ยะมะล้า] 2 และ 3 ในทางตรงข้ามถ้าเรามีเงินสัก 1 หมื่นบาทความพอใจที่สูญเสียไป
คนขาย “ถ้าดิบเท่านี้ จะได้ไหม” จากการจ่ายเงิน 1 พันบาทแรกซื้อเสื้อตัวที่ 1 อาจไม่มากนักเพราะยังมีเงิน
เหลืออีกตั้ง 9 พัน แต่การจ่ายเงิน 1 พันบาทที่ 2 และ 3 เพื่อซื้อเสื้อตัวต่อไปนั้น
[เซ้แวตู] [โฮะแก้ ยะบาแด, ตะพี้โล้นโก แบเล่าแล้] จะรู้สึกสูญเสียความพอใจไปมากกว่า ดังนั้นเมื่อซื้อสินค้ามากขึ้นความพอใจ
ลูกค้า “ได้ค่ะ ทั้งหวี เท่าไรหรือ” ที่ได้เพิ่มขึ้นจากสินค้าหน่วยหลัง ๆ จะลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความพอใจ
ที่สูญเสียไปจากการจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น ผลก็คือจากการที่ตอนแรกผู้ซื้อรู้สึก
[เซ้เย้าตู] [ตี้มเว้ งะปยอตี้ ตะพี้โก โต้นแซ่ง่า บะ ปา] ว่าสินค้าที่ได้รับนั้นคุ้มค่าความสูญเสียจากการจ่ายเงินออกไป แต่เมื่อซื้อมาก
คนขาย “กล้วยหอมหนึ่งหวี 35 บาทครับ” หน่วยขึ้นความพอใจที่ได้รับเพิ่มก็จะไม่คุ้มกับที่ต้องสูญเสียไป
ด้วยเหตุผลนี้ท�าให้เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้นซึ่งแปลว่าความพอใจที่ต้อง
[เซ้แวตู] [ตะพี้โล้น มะยูแบ้ ตะแวะแป้ คแว้ยูยีน ยะมะล้า] สูญเสียไปเมื่อจ่ายเงินซื้อสินค้าจะยิ่งมากขึ้น คนจึงซื้อสินค้าลดลงเพราะ
ลูกค้า “ถ้าแบ่งเป็นครึ่ง โดยไม่เอาทั้งหวี จะได้ไหม” ความพอใจที่เพิ่มขึ้นจากสินค้านั้นไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสูญเสียที่เกิด
จากการจ่ายเงินแล้ว
[เซ้เย้าตู] [มะยะปาบู้, อะพี้ไล่แป้ เย้าปาแด] เนื่องจากทฤษฎีอรรถประโยชน์ถูกโจมตีว่าในความเป็นจริงนั้นคนเรา
คนขาย “ไม่ได้ครับ ขายเป็นหวีเท่านั้น” วัดความพอใจเป็นหน่วยตัวเลขไม่ได้ นักเศรษฐศาสตร์จึงเปลี่ยนมาใช้หลัก
ค�าศัพท์จากบทสนทนา ความจริงว่าผู้บริโภคเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มสินค้าได้ว่าพอใจกลุ่มใดมากกว่า
น้อยกว่าหรือเท่ากันเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น และสร้างเส้นที่เรียกว่าเส้นความ
[ตี้ มเว้ งะ ปยอ ตี้] กล้วยหอม พอใจเท่ากัน (indifference curve)ขึ้นเพื่อมาวิเคราะห์ร่วมกับเส้นงบประมาณ
[ตะ พี้] หนึ่งหวี ที่เป็นตัวแทนราคาและงบประมาณที่มีจ�ากัดในการเลือกซื้อสินค้า 2 กลุ่ม
[โล ชีน] อยากได้ (ที่วิเคราะห์สินค้าได้แค่ทีละ 2 กลุ่มเพราะรูปกราฟมีแค่ 2 แกน)
[แน้ แน้] เล็กน้อย, นิดหน่อย (อ่านต่อหน้า 11)
[เซ้น] ดิบ, ยังไม่สุก
[ตะพี้โล้น] ทั้งหวี 2.
[โต้นแซ่ง่า บะ] 35 บาท [ตี้มเว้งะปยอตี้ มะชิยีน พี้จ้านงะปยอตี้ ชิล้า]
[ตะ แวะ] ครึ่งหนึ่ง “ถ้าไม่มีกล้วยหอม มีกล้วยน�้าว้าไหม”
[คแว้] แบ่ง 3.
ในบทสนทนาประโยคที่ใช้ว่า [งะปยอตี้ อะแม่ลูนยีน ซ้าโล่มะเก้าบู้]
[ดีเลาะ เซ้นเนเต้ยีน ยะมะล้า] แปลว่า “ถ้าดิบเท่านี้ จะได้ไหม” ในประโยค “ถ้ากล้วยสุกเกินไป ไม่อร่อย”
นี้ ค�าว่า [ยีน] แปลว่า “ถ้าหากว่า” ใช้เป็นค�าเชื่อมประโยคสถานการณ์ 4.
ค�าว่า [ยีน] มาเติมท้ายประโยคแรกที่เป็นสถานการณ์ แล้วต่อด้วย [เมียนมาโม่นฮี้นก้า แชะยีน งะปยออู แท่แชะยะแด]
ประโยคที่ต้องการพูด ซึ่งการใช้ไม่เหมือนกับภาษาไทย “ถ้าท�าขนมจีนเมียนมา ต้องใส่หยวกกล้วย”
ยกตัวอย่าง เช่น 5.
1. งะปยอพู้โก โลชีนยีน อะละก้า เป้ไล่แม]
[งะปยอตี้ เซ้นเนเต้ยีน มะซ้าบู้] “ถ้าอยากได้หัวปลี จะให้ไปฟรี”
“ถ้ากล้วยยังดิบอยู่ ไม่กิน”