Page 5 - ข่าวรามคำแหง ปีที่ 48 ฉบับที่ 46 วันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2562
P. 5
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ - ๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ข่าวรามคำาแหง ๕
เศรษฐศาสตร์ 101
คณะเศรษฐศาสตร์ รศ.อสัมภินพงศ์ ฉัตราคม
ตอน ข้าวโพดม้า คณะมนุษยศาสตร์ อาจารย์ตูซาร์ นวย
การซื้อของที่ตลาด (2)
ก่อนที่จะเขียนอย่างเป็นงานเป็นการเกี่ยวกับข้าวโพดซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ส�าคัญ ในภาษาเมียนมา “ตลาด” พูดว่า [เซ้] และอีกความหมายของค�านี้คือ
ผมขอเล่าถึงที่มาของชื่อตอนนี้เสียหน่อยว่าท�าไมไม่ตั้งว่า “ข้าวโพด” เฉย ๆ จะมีม้า
เพิ่มมาด้วยท�าไม ที่ผมตั้งใจตั้งชื่อตอนไว้แบบนี้ก็เพราะต้องการแยกให้เห็นต่างจากข้าวโพด “ราคา” ด้วย ประโยคตัวอย่างในการซื้อของที่ตลาด เป็นภาษาเมียนมามีดังนี้
ที่เราซื้อกินกันทั่วไปซึ่งเป็นข้าวโพดที่คนกินกัน ส่วนข้าวโพดที่จะเขียนถึงนั้นเป็นข้าวโพด ตัวอย่างบทสนทนา
เลี้ยงสัตว์ที่ชาวบ้านสมัยผมเด็ก ๆ เรียกกันว่าข้าวโพดม้า ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้จะยังเรียกกัน
อย่างนั้นอยู่หรือเปล่า เพราะค�าว่าข้าวโพดม้าที่ผมได้ยินครั้งสุดท้ายนั้นเป็นเมื่อสัก 55 ปีมาแล้ว [เซ้แวตู] [งะโยะตี้เซ้นกะ แบโลเย้าแล้]
สมัยเด็ก ๆ ตอนที่ยังเป็นเด็ก(กรุง)เทพอยู่นั้น ผมเคยกินข้าวโพดปิ้งที่แม่ค้าปิ้งขาย ลูกค้า “พริกสด ขายอย่างไร”
ตามตลาดมาบ้างเป็นครั้งคราวแต่ไม่บ่อยนักเพราะราคาไม่ถูกเลยส�าหรับเด็กที่ได้เงิน
ไปเป็นค่าอาหารกลางวัน ๆ ละ 6 สลึง (เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ 55 ปี แต่เป็น 60 ปีมาแล้ว) [เซ้เย้าตู] [กราน ตะยา โก โต้นแซ่ง้า บะ บา]
เมื่อย้ายไปอยู่จังหวัดชายแดนของภาคกลางติดกับภาคอีสานเห็นแม่ค้าปิ้งข้าวโพดขาย คนขาย “ขีดละ 35 บาท”
ที่ตลาดราคาถูกกว่าที่กรุงเทพตั้งกว่าครึ่งก็ดีใจไปซื้อมากิน และก็ได้รู้จักค�าว่าข้าวโพดม้า
ตั้งแต่นั้นมา เพราะที่จังหวัดที่ว่ามีแต่ข้าวโพดชนิดนี้ขายให้คนกินกันทั้ง ๆ เขาเอาไว้ใช้ [เซ้แวตู] [งะโยะตี้เซ้นกะ เซ้จี้ไล่ตา]
เลี้ยงสัตว์(ซึ่งไม่จ�ากัดว่าต้องเป็นเฉพาะม้า) การกินข้าวโพดม้าครั้งนั้นเป็นครั้งแรก ลูกค้า “พริกสดราคาแพงจัง”
และครั้งเดียวของผมเพราะมันทั้งเหนียวทั้งแข็งและไม่มีรสชาติ แต่อาจจะเป็นเนื่องจากลิ้นผม
เป็นลิ้นคนกรุงก็ได้เพราะคนแถวนั้นเขานิยมซื้อกินกันทั่วไป [เซ้เย้าตู] [โฮะแต, อะคุอะเชน แน้แน้ เซ้จี้เนแด]
เดิมข้าวโพดม้าหรือจะเรียกเป็นทางการว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นไทยเราปลูกไว้
ส่งออก ประเทศที่เป็นตลาดรับซื้อส�าคัญคือยุโรป ซึ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดก็จะประสบ คนขาย “ใช่ ช่วงนี้ราคาแพงนิดหน่อย”
ปัญหาเหมือนเกษตรกรที่ปลูกพืชส่งออกทั่วไปคือถูกคนกลางกดราคา เพราะถ้าราคาที่
รับซื้อจากชาวไร่แพงก็ต้องไปตั้งราคาส่งออกแพงตามไปด้วย ซึ่งท�าให้ฝ่ายผู้ซื้อเปลี่ยนไป [เซ้แวตู] [ดาโซ กราน ตะยา แป้ ยูแม, นานนานปินก้อ มะชิบู้ล้า]
ซื้อจากคู่แข่งที่ขายถูกกว่าได้ง่าย ส่วนรัฐบาลยุคนั้นจะช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไรผมก็ ลูกค้า “ถ้าอย่างนั้น เอาแค่ขีดเดียว, แล้วผักชีล่ะ ไม่มีหรือ”
จนปัญญาจะทราบได้เพราะถามอีตากูเกิลแล้วเขาบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น
สถานการณ์ตลาดข้าวโพดไทยมาเปลี่ยนเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วหลังจากมีการน�า [เซ้เย้าตู] [ชิบาแด, แบเลาะโพ้ ยูชินตะแล้]
เทคโนโลยีเลี้ยงสัตว์แบบทันสมัยเข้ามา การเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่ซึ่งเดิมเลี้ยงกัน คนขาย “มี, อยากได้สักเท่าไรล่ะ”
อย่างมากครอบครัวละไม่กี่ 10 ตัวก็กลายเป็นครอบครัวหนึ่งอาจเลี้ยงได้นับหมื่นนับแสนตัว
สิ่งที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์แบบนี้ก็คือการเกิดโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ [เซ้แวตู] [แซ บะโพ้แป้ เป้บา, อะมยินจี้จี้โก ยเว้เป้นอ]
ทันสมัยซึ่งจะผลิตอาหารตามสูตรที่ผ่านการค้นคว้าวิจัยเป็นอย่างดีมาแล้ว เมื่อสัตว์เลี้ยง ลูกค้า “เอาแค่ 10 บาท, ช่วยเลือกที่รากใหญ่ๆ ให้ด้วยนะ”
มีจ�านวนมากขึ้น ความต้องการอาหารสัตว์ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องท�าให้เกิดความต้องการ
ซื้อวัตถุดิบส�าหรับใช้ในการผลิตอาหารสัตว์พวกนี้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยวัตถุดิบ [เซ้เย้าตู] [บาทะยูโอ้นมะแล้ ชิ่น]
ส�าคัญที่ต้องใช้เป็นจ�านวนมากได้แก่ กากถั่วเหลือง ปลาป่น และ...ใช่แล้วครับข้าวโพดม้า คนขาย “จะเอาอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”
เอ๊ย..ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
มาถึงตอนนี้ไทยเราไม่ต้องง้อตลาดต่างประเทศให้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อีกแล้ว
แต่ต้องง้อที่จะต่อรองให้ขายให้เราที่ราคาไม่แพงเกินไปแทน เนื่องจากข้าวโพดที่ปลูกกัน [เซ้แวตู] [ตอปยี, ดีเลาะแป้, เซ้ ตแวะไล่ปาต้อ]
นั้นถึงจะผลิตได้เต็มที่อย่างไรก็ยังน้อยกว่าความต้องการปีละ 3 – 4 ล้านตัน อ้อ! ข้าวโพด ลูกค้า “พอแล้ว, แค่นี้ล่ะ, คิดเงินให้เถอะ”
ที่ไม่เพียงพอนี้เป็นเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เท่านั้นนะครับ ส่วนข้าวโพดให้คนกินนั้นเรายัง
ปลูกส่งออกได้อยู่ในรูปของข้าวโพดกระป๋องเป็นส่วนใหญ่ ปัญหามันอยู่ที่ว่าชาวไร่ข้าวโพด [เซ้เย้าตู] [อ้าโล้น เล่แซ่ง้า บะ จะแด]
ของไทยก็ยังปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ด้วย แต่เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงกว่า ราคาก็เลย คนขาย “รวมทั้งหมดเป็น 45 บาท”
ต้องตั้งไว้แพงกว่าข้าวโพดที่น�าเข้า คำาศัพท์จากบทสนทนา
ในตอนแรกรัฐบาล(เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว)พยายามช่วยเกษตรกรด้วยการจ�ากัด [งะ โยะ ตี้ เซ้น] พริกสด [ชิ] มี, มีอยู่
การน�าเข้าค่อนข้างเข้มงวด ท�าให้หวยไปออกที่ธุรกิจเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่เพื่อ
ส่งออกซึ่งท�ารายได้เข้าประเทศนับหมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งนี้เพราะเมื่อข้าวโพดซึ่งเป็นวัตถุดิบ [เย้า] ขาย [อะ มยิน] ราก
ส�าคัญในการผลิตอาหารสัตว์ขาดแคลนและมีราคาสูงเนื่องจากถูกจ�ากัดการน�าเข้าก็จะ [แน้ แน้] นิดหน่อย [จี้จี้] ใหญ่ๆ
เป็นอุปสรรคส�าคัญต่อธุรกิจดังกล่าว ในที่สุดเพื่อผ่อนปรนช่วยทั้งชาวไร่ข้าวโพดและธุรกิจ [เซ้ จี้] ราคาแพง [ยเว้เป้นอ] เลือกให้
เลี้ยงสัตว์ รัฐบาลจึงก�าหนดเป็นโควตาน�าเข้าให้พอดีกับส่วนที่ประเทศผลิตขาดอยู่ ธุรกิจ [ยู] เอา [เซ้ ตแวะ] คิดเงิน
ผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องซื้อจากชาวไร่ข้าวโพดในประเทศให้หมดเสียก่อนตามราคาที่รัฐบาล [นาน นาน ปิน] ผักชี [อ้า โล้น] ทั้งหมด
ประกันขั้นต�่าไว้ ส่วนที่ยังขาดอยู่จึงไปน�าเข้าตามโควตาที่ก�าหนดไว้ให้ใกล้เคียงกับ
ความจ�าเป็นต้องน�าเข้าจริง จะน�าเข้ามามากกว่านั้นก็ไม่ได้ เพราะจะต้องเสียภาษีในอัตรา ในภาษาเมียนมาค�าว่า [แป้] เป็นค�าจ�ากัดความหมาย แปลว่า “แค่, เพียงแค่,
สูงมาก เช่นเมื่อปีที่แล้วถ้าน�าเข้าจากประเทศสมาชิก WTO จะเสียอากรน�าเข้าร้อยละ 20 เพียงเท่านั้น” ค�าว่า [แป้] นี้ มาเติมหลังค�านาม หรือ กริยาที่อยากจะจ�ากัดความหมายนั้นๆ
แต่ถ้าน�าเข้านอกโควตาจะเสียอากรน�าเข้าถึงร้อยละ 73 บวกค่าธรรมเนียมพิเศษอีก ยกตัวอย่าง เช่น
ตันละ 180 บาท ส่วนถ้าจะน�าเข้าจากประเทศที่เรามีข้อตกลงการค้าเสรีแม้จะไม่เสีย 1. [กะล้าปีนเซ้น นะ ซี้ แป้ ยูแม] “จะเอา
ภาษีน�าเข้าแต่ก็จะท�าได้เฉพาะช่วงเวลาที่ก�าหนดซึ่งไม่มีผลผลิตข้าวโพดในประเทศ กะเพราแค่ 2 ก�า”
ออกสู่ตลาดเท่านั้น
ในเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้วขายได้แน่ ทั้งยังได้รับการประกัน 2. [ปีนเซ้น มเว้ แป้ ชิล้า] “ มีแค่โหระพาหรือ”
ราคาไว้ค่อนข้างดีด้วย แต่ท�าไมจึงยังปลูกกันได้ไม่พอต่อความต้องการเสียที มัวไปปลูกข้าว 3. [ตานปะยาตี้ ง่า โล้น แป้ เป้ปา] “ขอเพียงแค่
หรือพืชอื่นที่ผลผลิตล้นตลาดอยู่ท�าไม เรื่องนี้ตอบได้ง่าย ๆ ว่าเป็นเรื่องของความเสี่ยง มะนาว 5 ลูกเท่านั้น”
คนปลูกข้าวโพดจ�านวนไม่น้อยขาดทุนน�้าตาเช็ดหัวเข่าเพราะธรรมชาติไม่อ�านวย 4. [แจะโย้ฮี้นเยแท้โก ซะบะ
ตัวอย่างประสบการณ์ที่เคยคุยกับชาวไร่ก็คืออีกไม่กี่วันก็จะเก็บเกี่ยวขายได้เงินอยู่แล้ว ลีนแป้ แท่แมมอ] “จะใส่แค่ตะไคร้ในซุปกระดูกไก่นะ”
ฝนเกิดตกขึ้นมา ต้นล้มระเนระนาดเมล็ดงอกขาดทุนป่นปี้ หนี้กับ ธกส. ก็พอกพูนเป็น 5. [จิแป้ จิเนแด, บามะ มะยูบู้ล้า]
หางหมูต่อไป เคลียร์ไม่ได้เสียที “แค่ดูอยู่เท่านั้น จะไม่เอาอะไรเลยหรือ”