Page 6 - ข่าวรามคำแหง ปีที่ 48 ฉบับที่ 27 วันที่ 15 - 21 ตุลาคม 2561
P. 6
๖ ข่าวรามคำาแหง วันที่ ๑๕ - ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๑
อาจารย์ภัทระ ลิมป์ศิระ คณะนิติศาสตร์
หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ (ตอนแรก)
สืบเนื่องจากปี พ.ศ. 2561 เป็นปีที่ประเทศสหภาพเมียนมากับประเทศไทย นอกจากนี้ เส้นเขตแดนประเทศไทย - สหภาพเมียนมา ควรเป็นเส้นเขต
ฉลองครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน แดนแห่งความร่วมมือ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และ
ทั้งสองประเทศจึงส่งเสริมความร่วมมือและผลักดันการพัฒนาตามแนวชายแดน การไปมาหาสู่ระหว่างของประชาชนทั้งสองประเทศ
และความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อด้วยการเติมเต็มโครงสร้าง 2. ความร่วมมือส่งเสริมการค้าและการลงทุน ประเทศไทยจะส่งเสริม
พื้นฐานและเส้นทางคมนาคมขนส่งที่ยังขาดหาย (Missing links) ตลอดจน ให้ภาคเอกชนประเทศไทยเข้าไปท�าธุรกิจในสหภาพเมียนมาอย่างมีความรับผิดชอบ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและการเชื่อมโยงโครงข่ายด้านพลังงาน ต่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม และสหภาพเมียนมาก็พร้อมที่จะดูแลนักธุรกิจ
เพื่อให้ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ (Natural Strategic Partnership) ประเทศไทยที่เข้าไปลงทุนในสหภาพเมียนมาให้ได้รับความสะดวกด้วยเช่นกัน
นั้น ใกล้ชิดและตอบสนองผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง 3. โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เป็นโครงการที่จะสร้าง
ทั้งสหภาพเมียนมากับประเทศไทยจึงต่างมีการเย้าเยือนระหว่างเพื่อนบ้าน ความเชื่อมโยงระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งทั้งสองประเทศ
แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ใกล้ชิดและความส�าคัญที่ให้แก่กัน ต่างเห็นพ้องให้หน่วยงานของทั้งสองฝ่ายหารือและขับเคลื่อนโครงการฯอย่างใกล้ชิด
และกัน เพื่อผลประโยชน์ของสหภาพเมียนมา ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียโดยรวม
ประธานาธิบดีอูวินมยิน 4. การคุ้มครองแรงงานสหภาพเมียนมาในประเทศไทย ซึ่งแรงงาน
(H.E. U Win Myint) แห่งสาธารณรัฐ สหภาพเมียนมาเป็นหัวใจส�าคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย โดย
แห่งสหภาพเมียนมา ได้เดินทางเยือน ประเทศไทยจะให้การคุ้มครองดูแลแรงงานสหภาพเมียนมาตามกฎหมาย
ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และ ประเทศไทย และจะส่งเสริมให้แรงงานสหภาพเมียนมาเข้ามาท�างานในประเทศไทย
เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้น�า ผ่านความตกลงว่าด้วยการจ้างงานในกรอบรัฐต่อรัฐ และสหภาพเมียนมา
ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่ร่วมมือกับประเทศไทยอย่างใกล้ชิดจนกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงาน
อิรวดี -เจ้าพระยา- แม่โขง (Ayeyawady- สหภาพเมียนมาใกล้แล้วเสร็จและเป็นไปตามก�าหนด ถือเป็นความส�าเร็จร่วมกัน
Chao Phraya - Mekong Economic CooperationStrategy: ACMECS) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพเมียนมาอันเกิดจากความมุ่งมั่นและความ
ครั้งที่ 8 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น การเยือนประเทศไทยครั้งนี้ จึงถือ ร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างแท้จริง
เป็นสัญลักษณ์ที่ส�าคัญในการร่วมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และ 5. สถานการณ์ในรัฐยะไข่ ฝ่ายประเทศไทยได้ให้ก�าลังใจและสนับสนุน
เป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายติดตามความก้าวหน้าของความร่วมมือ และพัฒนา ความพยายามของสหภาพเมียนมาในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ
ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ ให้ใกล้ชิดและตอบสนองผลประโยชน์ สหภาพเมียนมาได้เปิดรับความร่วมมือจากสหประชาชาติมากขึ้นและจัดตั้ง
ของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง คณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในรัฐยะไข่ด้วย นอกจากนี้
การเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีสหภาพเมียนมาครั้งนี้มีความ ประเทศไทยได้ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าไปด�าเนินโครงการเพื่อการพัฒนา
พิเศษเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ประธานาธิบดี ต่าง ๆ ในรัฐยะไข่ เพื่อให้ชุมชนในพื้นที่ด�ารงชีพได้อย่างยั่งยืน
สหภาพเมียนมาเยือนอย่างเป็นทางการหลังจากด�ารงต�าแหน่งประธานาธิบดี 6. การส่งผู้หนีภัยการสู้รบกลับสหภาพเมียนมา ประเทศไทยและ
การเยือนครั้งนี้จึงมีความหมายเป็นพิเศษและเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ สหภาพเมียนมาได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการส่งผู้หนีภัยการ
หุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติที่แน่นแฟ้นของประเทศไทยและสหภาพเมียนมา สู้รบกลับมาตุภูมิ ซึ่งได้ด�าเนินการอย่างเป็นทางการมาแล้ว 2 ครั้ง ส่งกลับ
และน�าไปสู่ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในหลายสาขาที่ส�าคัญ และน�ามา รวม 164 คน และจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การส่งกลับกลุ่มต่อ ๆ ไป
ซึ่งประโยชน์ร่วมกัน ได้แก่ มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความปลอดภัย
1. การพัฒนาตามแนวชายแดนและความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง ความสมัครใจและมีศักดิ์ศรี
ประเทศไทยและสหภาพเมียนมาเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดจึงมีผลประโยชน์ 7. ประเด็นด้านพหุภาคี แผนแม่บท ACMECS เป็นรากฐานความเชื่อมโยง
เชื่อมโยงกันทุกด้าน ดังนั้น ผู้น�าประเทศไทยและสหภาพเมียนมาจึงเห็นพ้อง อย่างไร้รอยต่อของอนุภูมิภาคในอนาคต และสหภาพเมียนมายังได้แสดงความพร้อม
ที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาตินี้ให้ใกล้ชิดในทุกมิติ ที่จะสนับสนุนประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนในปีหน้า โดยเฉพาะการผลักดัน
และหัวใจส�าคัญของความร่วมมือก็คือ การพัฒนาตามแนวชายแดนและความ ประเด็นเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน การส่งเสริมความเชื่อมโยง และการพัฒนา
ร่วมมือด้านความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ (Seamless connectivity) ซึ่งจะก่อ ไปสู่ยุค 4.0 อีกด้วย
ให้เกิดความเจริญตามแนวชายแดนของสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและ สิ่งที่ผู้น�าของประเทศไทยและสหภาพเมียนมาได้หารือกัน
ประชาชนจะเป็นผู้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทั้ง 7 ประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งครอบคลุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
ส�าหรับการเชื่อมโยงกับสหภาพเมียนมาต้องเร่งรัดการพัฒนาอย่าง สังคม แรงงาน การเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่ง รวมทั้งความร่วมมือในกรอบ
ครบวงจรในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East - West พหุภาคีข้างต้นนั้น สะท้อนถึงความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่แนบแน่นระหว่าง
Economic Corridor - EWEC) และแนวระเบียงเศรษฐกิจใต้ (Southern “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ” ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพเมียนมา
Economic Corridor) ตามแผนแม่บท (Master Plan) จากแผนยุทธศาสตร์ ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ และบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่แนบแน่นนี้ จะช่วย
ACMECS หากพัฒนาได้ส�าเร็จ ก็จะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจ การค้าการลงทุน ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพเมียนมา
การท่องเที่ยวแก่ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และ SMEs ของประเทศไทย ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในอนาคต เป็นการก้าวไปข้างหน้าร่วมกันของเพื่อนบ้าน
และสหภาพเมียนมาอย่างมาก และนี่คือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่าง ที่ใกล้ชิด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ภาคเอกชนและประชาชนของทั้งสองประเทศ
เป็นรูปธรรม จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง