Page 7 - ข่าวรามคำแหง ปีที่ 48 ฉบับที่ 21 วันที่ 3 - 9 กันยายน 2561
P. 7
วันที่ ๓ - ๙ กันยายน ๒๕๖๑ ข่าวรามคำาแหง ๗
RU Know? (ledge) : 10 ทักษะจำ�เป็นที่บัณฑิต
ม.ร�มคำ�แหง ต้องมีติดตัว แล้วจะไม่กลัวตกง�น
อาจารย์ประหยัด เลวัน ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์
ยุคประเทศไทย 4.0 นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำาแหงที่กำาลังจะสำาเร็จ ทักษะที่ 6. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
การศึกษาควรสำารวจและเสริมสร้างทักษะที่จำาเป็นที่ควรมี สำาหรับเตรียมตัวเอง หุ่นยนต์ทำางานหลายอย่างได้ดีก็จริง แต่ยังมีสิ่งที่หุ่นยนต์แพ้มนุษย์อยู่
ให้พร้อมกับตลาดแรงงานยุคปัจจุบัน เพราะในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ.2020) ก็คือ หุ่นยนต์ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึก ต่างจากมนุษย์ที่รู้จักเข้าอก เข้าใจผู้อื่น
จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในตลาดแรงงาน จะเริ่มมีหุ่นยนต์ (Robot) และสามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ รู้ว่าควรทำาอะไร หรือไม่ควรทำาอะไร
พร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligent) เข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อส่งผลดีต่องานที่ทำาและคนรอบข้างที่ร่วมงานด้วย
มากขึ้น เพื่อมาทำางานแทนมนุษย์ แน่นอนว่าจะส่งผลให้อาชีพจำานวนมาก ทักษะที่ 7. รู้จักประเมินผลและตัดสินใจได้ดี (Judgment and Decision Making)
หายไปในอีกไม่ช้า ดังนั้นใครไม่อยากโดนหุ่นยนต์แย่งงาน สิ่งสำาคัญที่ต้องทำาก็คือ การนำาข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาลมาประมวลผลและตัดสินใจได้อย่าง
การพัฒนาทักษะแต่ละด้านของตัวเองให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป โดยเวทีการประชุม ถูกต้องแม่นยำา เป็นทักษะที่ทุกองค์กรต้องการแทบทั้งนั้น เพราะแสดงให้เห็นว่า
เวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้เผย 10 ทักษะจำาเป็นที่โลก เรามีความสามารถในการเป็นผู้นำา สามารถพึ่งพาได้นั่นเอง
ต้องการมากที่สุด ในปี ค.ศ. 2020 เพื่อให้ได้รีบปรับตัวกันตั้งแต่วันนี้ มาลองดูกันว่า ทักษะที่ 8. มีใจรักบริการ (Service Orientation)
ทักษะที่จำาเป็นกับตลาดแรงงานมีอะไรบ้าง จะดีมากถ้าคุณเป็นคนที่คอยหาโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่ว่า
จะเป็นลูกน้องในทีม หรือเพื่อนร่วมงานในหน่วยงาน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่
ส่งผลดีต่อการทำางาน แถมยังทำาให้บรรยากาศในการทำางานดีขึ้นอีกด้วย
ทักษะที่ 9. การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
บุคคลที่มีความสามารถในการเจรจาต่อรองที่ดี ย่อมเป็นที่ต้องการ
ของทุกหน่วยงานอยู่แล้ว เพราะสามารถช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์จาก
การเจรจาเรื่องต่าง ๆ ที่สำาคัญคือยังนำาทักษะนี้มาแก้ปัญหาความขัดแย้ง
รูปที่ 1 เปรียบเทียบ 10 ทักษะสำ�คัญในตล�ดแรงง�นปี ค.ศ. 2015 กับปี ค.ศ.2020
(แหล่งที่ม�: https://www.google.co.th/ คำ�ค้นที่ใช้ : 10 ทักษะที่จำ�เป็นสำ�หรับตล�ดแรงง�น 2561) เรื่องการทำางานภายในองค์กรได้อีก
ทักษะที่ 1. การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน (Complex Problem Solving) ทักษะที่ 10. ความยืดหยุ่นทางความคิด (Cognitive Flexibility)
เทคโนโลยีช่วยชีวิตให้ง่ายขึ้นก็จริง แต่ก็ตามมาด้วยระบบการทำางาน การมีไหวพริบที่ดีและการปรับตัวตามสถานการณ์เป็นสิ่งที่ทุกคนควรมี
ที่ซับซ้อนขึ้น เพราะฉะนั้น คงไม่มีประโยชน์แน่ ถ้าเรามีเพียงเทคโนโลยีที่ดี เพราะการทำางานจริง ๆ เราต้องพบปะกับผู้คนที่หลากหลาย ดังนั้น การรู้จัก
แต่ไม่มีคนคอยควบคุมและวิเคราะห์ระบบเหล่านี้ ซึ่งก็มีข้อมูลการันตีว่า ปรับเปลี่ยน รู้ว่าควรจะสื่อสารแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ
ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน มีความจำาเป็นกับการทำางานในอนาคต เพราะ จึงเป็นเรื่องสำาคัญที่ขาดไม่ได้เลย
ในอุตสาหกรรม จำาเป็นต้องพึ่งคนที่มีความสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อน สถานการณ์ปัจจุบันของตลาดแรงงานในประเทศ
มากกว่าร้อยละ 36 ของงานทั้งหมด นพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี
ทักษะที่ 2. การคิดวิเคราะห์แยกแยะ (Critical Thinking) ประเทศไทย กล่าวว่าสายงานหรือกลุ่มอาชีพที่มีแนวโน้มจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี
เมื่อใช้หุ่นยนต์ทำางานมากขึ้น เราก็ยิ่งต้องการคนที่มีตรรกะและเหตุผลที่ดี และระบบเอไอ ได้แก่ พนักงานขายปลีกหน้าร้าน ในห้างโมเดิร์นเทรดต่างๆ
เพิ่มขึ้น โดยจะต้องเป็นคนที่ประเมินศักยภาพของเทคโนโลยีได้ เพื่อรีดความสามารถ และพนักงานขายตรง พนักงานโรงแรม พนักงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน
ที่มีอยู่ออกมาใช้ได้มากที่สุด ซึ่งถ้าทำาได้ คุณจะกลายเป็นคนที่มีประโยชน์ แรงงานในอุตสาหกรรม แรงงานในภาคโลจิสติกส์ คนขับรถยนต์ รถบรรทุก
ต่อองค์กรอย่างมาก รวมถึงเคาน์เตอร์เซอร์วิสในภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งสวนทางกับโอกาสของผู้หางาน
ทักษะที่ 3. การคิดอย่างสร้างสรรค์ (Creativity) ในสายงานที่กำาลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก ที่เกิดจากการเติบโตของเทคโนโลยี
ความคิดสร้างสรรค์เป็นทักษะสำาคัญที่โลกต้องการไม่ว่าจะตอนนี้ และตามนโยบายของรัฐบาลสู่ยุคประเทศไทย 4.0 ประกอบด้วย สายงานด้านดิจิทัล
หรือในอนาคต นั่นก็เพราะว่าเราสามารถนำาไอเดียดีเหล่านั้นไปต่อยอดกับ งานการจัดการข้อมูล เช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เจ้าหน้าที่ไอที ซึ่งจะเป็น
เทคโนโลยี เพื่อนำาไปใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่กำาลังจะเกิดขึ้นได้นั่นเอง แรงจูงใจให้แรงงานในอนาคตจะต้องขวนขวายหาความรู้ เพิ่มพูนทักษะ
ทักษะที่ 4. การบริหารทรัพยากรบุคคล (People Management) และความชำานาญ เพื่อตอบสนองความต้องการแรงงานในตลาด
ผู้ที่มีความสามารถในการกระตุ้นเพื่อนให้ทำางานร่วมกันเป็นทีม สำาหรับทิศทางการปรับตัวของผู้หางาน ประกอบด้วย ทันโลกทันเหตุการณ์
รวมถึงตัดสินใจได้ดีว่างานประเภทนี้ เหมาะกับคนแบบไหน รู้จักเลือกใช้คน อัพเดทข้อมูลข่าวสาร ทั้งเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ทั้งใน
ได้เหมาะสมกับงานมากที่สุด เป็นทักษะที่จำาเป็นมากในหลากหลายอุตสาหกรรม และต่างประเทศ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น เพื่อให้เกิดความรู้รอบตัว
เพราะจะทำาให้การทำางานเป็นไปอย่างราบรื่น บรรลุเป้าหมายโดยง่าย และสามารถนำาไปประยุกต์ใช้ในการทำางานได้อย่างเหมาะสม ใช้เทคโนโลยี
ทักษะที่ 5. การทำางานร่วมกับผู้อื่น (Coordinating with Others) ให้เกิดประโยชน์ในการทำางานเพื่อให้มีความได้เปรียบทักษะด้านภาษา โดย
สำาหรับใครที่มีทักษะการเข้าสังคมที่ดี แน่นอนว่าจะสามารถช่วยให้ ภาษาที่ 2 และภาษาที่ 3 กลายเป็นสิ่งจำาเป็นสำาหรับคนทำางานที่ต้องการ
การทำางานดีขึ้นไปอีก เพราะการทำางานในชีวิตจริง ไม่สามารถหลีกเลี่ยง ความก้าวหน้า โดยเฉพาะการทำางานร่วมกับองค์กรข้ามชาติ หรือองค์กรที่ต้อง
การทำางานร่วมกับผู้อื่นได้ ดังนั้น หากเรามีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ก็จะช่วยให้ ติดต่อกับชาวต่างชาติอยู่เสมอ ซึ่งผลสำารวจของจ๊อบส์ ดีบี พบว่า นายจ้างกว่า 62%
การทำางานราบรื่นขึ้นมาก เห็นว่าการมีทักษะด้านภาษาและการสื่อสารที่ดี มีความสำาคัญมากที่สุด
(อ่านต่อหน้า 9)