Page 6 - ข่าวรามคำแหง ปีที่ 48 ฉบับที่ 15 วันที่ 23 - 29 กรกฎาคม 2561
P. 6
๖ ข่าวรามคำาแหง วันที่ ๒๓ - ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑
มุมมองกฎหมาย กรณีสิทธิบัตรยาวาลซาร์แทน
(Varsantan) ตอนที่ 1
อาจารย์กิตติยา พฤกษารุ่งเรือง คณะนิติศาสตร์
ช่วงนี้หลายๆท่านคงได้ยินข่าวคราวของ พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่ปรากฏตามมาตรา 5
การเพิกถอนสิทธิบัตรยาวาลซาร์แทน (Varsantan) ซึ่งก�าหนดว่าการประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
ซึ่งเป็นการปิดฉากการต่อสู้คดีในชั้นศาลที่มีมา ต้องประกอบไปด้วย 3 ลักษณะดังต่อไปนี้ (1) เป็นการ
ยาวนานกว่า 7 ปีระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ (2) เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้น
กับบริษัทยาในประเทศไทย ซึ่งชัยชนะของบริษัทยา การประดิษฐ์สูงขึ้น และ (3) เป็นการประดิษฐ์
ในประเทศไทยครั้งนี้ นับว่าเป็นผลดีต่อวงการ- ที่สามารถประยุกต์ในทางอุตสาหกรรม หากผู้ตรวจสอบ
สาธารณสุข อีกทั้งยังเป็นสีสันให้กล่าวขานกัน เห็นว่าไม่ควรรับจดทะเบียน จะด�าเนินการยกค�าขอนั้น
ในวงการนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาด้วยเช่นกัน โดยผู้ยื่นค�าขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการสิทธิบัตร
บทความฉบับนี้จึงขอกล่าวถึงคดีสิทธิบัตรยา- และศาลต่อไปตามล�าดับ หากผู้ตรวจสอบเห็นว่า
วาลซาร์แทน ผ่านแง่มุมของกฎหมายสิทธิบัตร ควรรับจดทะเบียน จะด�าเนินการท�ารายงานการตรวจ
ในบางประการ และแนวคิดในการคุ้มครองสิทธิบัตร สอบต่อเสนออธิบดี เห็นควรรับจดทะเบียนและออก
ในประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง สิทธิบัตร หากสิทธิบัตรได้ออกไปโดยไม่ครบ
1
การคุ้มครองสิทธิบัตรในประเทศไทย องค์ประกอบตามมาตรา 5 ให้ถือว่าสิทธิบัตรนั้น
อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ไม่สมบูรณ์ บุคคลใดจะกล่าวอ้างขึ้นก็ได้ หรือบุคคล
ซึ่งตามมาตรา 3 ให้ความหมายของค�าว่า “สิทธิบัตร” ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะฟ้องต่อศาล
ไว้ว่าเป็น “หนังสือสำาคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครอง ขอให้เพิกถอนสิทธิบัตรนั้นก็ได้ (มาตรา 54)
การประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์” เมื่อการประดิษฐ์ได้รับการจดทะเบียนแล้วผู้ทรงสิทธิบัตร
จากความหมายดังกล่าวสื่อให้เห็นว่าคุ้มครองเพียงแค่การประดิษฐ์หรือ จะเกิดสิทธิผูกขาดในการผลิตใช้ รวมถึงการขายซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีนั้น
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการออกหนังสือส�าคัญเท่านั้น หนังสือส�าคัญนี้สามารถ (มาตรา 36) แต่ไม่ได้หมายความว่าสิทธิผูกขาดจะคงอยู่ตลอดไป สิทธิผูกขาดนี้
ไปยื่นค�าขอจดทะเบียนได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา หากไม่ได้รับการจดทะเบียน คงอยู่เพียง 20 ปีนับแต่วันขอรับสิทธิบัตรเท่านั้น (มาตรา 35) มิใช่นับแต่
การประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์นั้นก็จะมิได้รับความคุ้มครอง วันที่ได้จดทะเบียนสิทธิบัตร เหตุผลที่อายุคุ้มครองสิทธิบัตรมีจ�ากัด ก็เนื่องด้วย
ในประเทศไทย แม้จะมีการจดทะเบียนการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ วัตถุประสงค์ประการหนึ่งของการคุ้มครองสิทธิบัตร ก็เพื่อส่งเสริมให้นวัตกรรมใหม่ๆ
ดังกล่าวไว้ในต่างประเทศก็ตาม เนื่องจากการคุ้มครองสิทธิบัตรใช้หลักอาณาเขต แพร่หลาย และสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น เมื่ออายุ
จดทะเบียนประเทศใด คุ้มครองแค่ภายในอาณาเขตของประเทศนั้น คุ้มครองสิ้นสุดลง การประดิษฐ์ภายใต้สิทธิบัตรนั้นจะตกเป็นสาธารณสมบัติ
ยารักษาโรคโดยส่วนมากจะยื่นขอรับการคุ้มครองในรูปแบบของสิทธิบัตร เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนหรืออุตสาหกรรมในประเทศได้เข้าถึง
การประดิษฐ์ ซึ่งตามมาตรา 3 ได้ให้ความหมายของ “การประดิษฐ์” ไว้ว่า “การคิดค้น นวัตกรรมใหม่ๆ สามารถน�ามาผลิตและออกจ�าหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หรือคิดทำาขึ้นอันเป็นผลให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีใดขึ้นใหม่หรือ เมื่อมีผู้ผลิตยารูปแบบเดียวกันจ�านวนหลายราย ท�าให้เกิดการแข่งขันด้านราคากัน
การกระทำาใด ๆ ที่ทำาให้ดีขึ้นซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธี” จากความหมายดังกล่าว ด้วยกลไกการตลาดนี้จะส่งผลให้ราคาซื้อขายนั้นถูกลง เป็นประโยชน์ต่อประชากร
ยารักษาโรคจึงสามารถขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ในตัวผลิตภัณฑ์ยา หรือกรรมวิธี ในประเทศอีกด้วย หรืออาจกล่าวได้ว่าการน�าการประดิษฐ์มาจดทะเบียนสิทธิบัตรนั้น
ในการผลิตยาได้ เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างการให้สิทธิคุ้มครองกับการให้ข้อมูลคงไม่ผิดนัก
กระบวนการยื่นค�าขอจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์นั้น เริ่มที่ผู้ยื่นค�าขอ แม้ว่าการจ�ากัดอายุคุ้มครองสิทธิบัตร ดูเหมือนจะเป็นการสร้างความสมดุล
ต้องจัดเตรียมเอกสารยื่นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อผ่านการตรวจสอบ ระหว่างสิทธิของผู้ทรงสิทธิบัตรและสิทธิของสาธารณชนก็ตาม แต่คงไม่เป็น
เบื้องต้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะด�าเนินการประกาศโฆษณาค�าขอรับสิทธิบัตร (มาตรา 28) ที่น่าพึงพอใจต่อผู้ทรงสิทธิบัตรเท่าไรนัก ผู้ทรงสิทธิบัตรจึงพยายามหาช่องทาง
การประกาศโฆษณานี้เป็นการเปิดโอกาสให้กับบุคคลทั่วไปที่จะมาคัดค้านว่า ในการยืดอายุคุ้มครองการประดิษฐ์ของตนเองให้คงต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะท�าได้
ตนเป็นผู้มีสิทธิดีกว่า หรือค�าขอรับสิทธิบัตรเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือผู้ขอไม่มีสิทธิ ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากส�าหรับผู้ทรงสิทธิบัตรในอุตสาหกรรมยา
ขอรับสิทธิบัตร ซึ่งจ�าต้องคัดค้านภายใน 90 วันนับแต่วันโฆษณาค�าขอ หากมีการคัดค้าน คือ “รูปแบบการจดสิทธิบัตรไม่จบสิ้น” (Evergreening Patent) กลยุทธ์นี้อาศัย
ภายในก�าหนดระยะเวลาดังกล่าว นายทะเบียนจะท�าการยกค�าขอรับสิทธิบัตรนั้น การปรับเปลี่ยนรายละเอียดของตัวยาหรือกรรมวิธีการผลิตยาเพียงเล็กน้อย
โดยผู้ยื่นค�าขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรและศาลต่อไปตามล�าดับ เพื่อน�ามายื่นขอรับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของ
หากไม่มีการคัดค้าน ผู้ยื่นค�าขอรับสิทธิบัตรต้องยื่นค�าขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ บริษัทยาข้ามชาติในคดีสิทธิบัตรยาวาลซาร์แทน นี้
ผู้ตรวจสอบจะท�าการสืบค้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตร ตอนที่ 1 ขอสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับคดีสิทธิบัตร
ในฐานข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก และตรวจสอบเนื้อหาสาระทางเทคนิค โดย ยาวาลซาร์แทนจะขอกล่าวในตอนที่ 2 ต่อไป
1 กรมทรัพย์สินทางปัญญา, ขั้นตอนการตรวจสอบคำาขอสิทธิบัตรการประดิษฐ์ [Online], Available URL: https://www.ipthailand.go.th/th/patent-005/item/
ขั้นตอนการตรวจสอบค�าขอสิทธิบัตรการประดิษฐ์.html, 2559 (กันยายน, 17).