Page 5 - ข่าวรามคำแหง ปีที่ 48 ฉบับที่ 26 วันที่ 8 - 14 ตุลาคม 2561
P. 5

วันที่ ๘ - ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๑                              ข่าวรามคำาแหง                                                              ๕


            เศรษฐศาสตร์ 101
            เศรษฐศาสตร์ 101





          คณะเศรษฐศาสตร์                           รศ.อสัมภินพงศ์ ฉัตราคม        คณะมนุษยศาสตร์                     ผศ.ดร.สรตี ปรีชาปัญญากุล

           ตอน ค้าไม่เสรี (3)                                                          เครื่องปรุง (ตอนที่ 5)  gia vị (ซา หวิ)





                  สองตอนที่ผ่านมาผมเกริ่นน�าเรื่องการพยายามใช้นโยบายคุ้มครองการค้า     ในห้องครัว เราจะพบเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบอาหารมากมาย
           โดยกีดกันการน�าเข้าด้วยวิธีต่าง ๆ มาแล้ว ในตอนนี้จึงจะขอเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว  ครั้งที่ผ่านมาได้น�าเสนอ น�้าตาล น�้าปลา ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซอสถั่วเหลือง
           ว่าการค้าไม่เสรีนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง ซึ่งผมขอเน้นว่าการค้าทั้งเสรีและ  เกลือ พริก พริกป่น และพริกไทย ไปแล้ว ในครั้งนี้จะแนะน�าให้รู้จักเครื่องปรุงอีก
           ไม่เสรีต่างก็มีข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าพอมีค�าว่าเสรีแล้วจะต้อง  3 ชนิด คือ

           ดีไปเสียหมด ตัวอย่างเช่นค้าฝิ่นเสรีที่จีนยุคซูสีไทเฮาโดนมาแล้วจนประเทศเกือบ      Mắm tôm           (หมัม โตม)              กะปิ
           ล่มจมยังไงเล่าครับ                                                          Mắm cá          (หมัม ก๊า)            ปลาร้า
                  ผมขอพูดถึงข้อดีของการค้าไม่เสรีก่อนก็แล้วกันเพราะเรามักจะได้ฟังแต่     Mì chín, bột ngọt (หมี่ จี๊น  โบ่ท หง็อต)  ผงชูรส
           ข้อเสียกันเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีอย่างแรกของการใช้นโยบายคุ้มครองการค้าซึ่งท�าให้                       Mắm tôm (หมัม โตม)  กะปิ

           เกิดการค้าไม่เสรีก็คือท�าให้ผู้ผลิตภายในประเทศอยู่รอดได้แม้จะมีการแข่งขันจาก     คนเวียดนามใช้กะปิในการประกอบอาหาร หรือแม้กระทั่งท�าเป็นเครื่อง
           ต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อประเทศก�าลังอยู่ในระยะเริ่มต้นพัฒนาอุตสาหกรรม  จิ้ม ส�าหรับรับประทานกับขนมจีน และเต้าหู้ทอด โดยเรียกอาหารชนิดนี้ว่า bún
                                                                                đậu mắm tôm (บุ๋น เดิ่ว หมัม โตม)
           และมีอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่เรียกกันว่า infant industry (infant แปลว่าเด็กทารก)      กะปิจะมีกลิ่นแรง มีเรื่องเล่าตามความเชื่อของคนเวียดนามว่า กะปิ
           ที่ยังจ�าเป็นต้องได้รับความคุ้มครองอยู่เป็นจ�านวนมาก หรืออาจจะเป็นในกรณีที่  สามารถใช้ไล่ผีได้ เนื่องจากผีไม่ชอบกลิ่นที่รุนแรงของกะปิ อีกทั้งยังบอกไว้ว่า คน

           อุตสาหกรรมเดิมอยู่ไม่รอดจนต้องปิดกิจการท�าให้คนตกงานเป็นจ�านวนมาก    ที่กินกะปิจะไม่ถูกผีหลอก
           อย่างที่เป็นอยู่ในสหรัฐฯ มาตรการนี้ที่ต้องท�าร่วมกับการจูงใจอย่างอื่นคือลด         Người ăn mắm tôm sẽ không bị ma quỷ làm hại.
           หรือยกเว้นภาษีและให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่นักลงทุน(เหมือนการส่งเสริม             (เหงื่อย อัน หมัม โตม แส คง บิ มา กวุ๋ย หล่าม ห่าย)
           การลงทุนหรือ BOI ของเรา) เพื่อให้กลับมาลงทุนสร้างการผลิตและการจ้างงาน       นอกจากนี้ยังมีกะปิอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Mắm chua (หมัม จัว) จัว

           ขึ้นใหม่อีกครั้ง...นี่คือความหวังที่ประธานาธิบดีทรัมป์คาดว่าจะเกิดขึ้น  หมายถึง เปรี้ยว กะปิชนิดนี้จะมีรสชาติออกเปรี้ยว ท�าจากกุ้งฝอย กุ้ง หรือปลา
                  ข้อดีของการกีดกันทางการค้าอีกอย่างหนึ่งก็คือเพื่อลดการขาดดุล        Mắm chua là một loại mắm chế biến từ tép moi, tôm hoặc cá.
           หรือเสียเปรียบการค้าที่แปลว่าในการท�าการค้าระหว่างกันนั้น ประเทศเป็นฝ่ายซื้อ      (หมัม จัว หล่า โหมต ลหว่าย หมัม เจ๊ เบี๊ยน ตื่อ แต๊ป มอย โตม ฮวัก ก๊า)
           มากกว่าขาย โดยเฉพาะถ้าเราขาดดุลต่อเนื่องทุกปี ๆ ละหลายแสนล้านเหรียญ  โดยจะมีแหล่งผลิตอยู่ที่ภาคกลางของประเทศเวียดนาม หรืออาจเรียกว่า

           นี่ก็คงไม่น่ายินดีสักเท่าไหร่ ถ้าท�าการค้าเสรีแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงผลประโยชน์  mắm tôm chua (หมัม โตม จัว) หรือ  tôm chua của Huế (โตม จัว กั๋ว เฮว้)
           อยู่เกือบจะฝ่ายเดียวก็ไม่น่าจะทนกันได้นาน ถ้าอ่านจากถ้อยแถลงของทรัมป์       กะปิอีกชนิดหนึ่งของคนเวียดนาม คือ Mắm ruốc (หมัม สวก) ท�าจาก
           ที่เปรียบเทียบให้ดูว่าจีนนั้นยังเก็บภาษีขาเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯสูงถึง 25% เมื่อเทียบ  กุ้ง คล้ายกับหมัมจัว แต่ไม่มีรสเปรี้ยว กลิ่นไม่แรงเท่ากับ หมัมโตม สามารถน�าไป
           กับอัตราที่สหรัฐฯ เก็บจากรถยนต์ที่น�าเข้าจากจีนเพียง 2.5% แล้วก็จะเห็นได้ว่า  เป็นเครื่องปรุงในการประกอบอาหารประเภทแกง หรือผสมน�้าให้เจือจาง เพื่อท�า

           สหรัฐฯ ต้องการหาทางลดความเสียเปรียบลงให้ได้                          น�้าจิ้มได้
                  เมื่อพูดถึงข้อดีของการกีดกันการค้าไป 2 ข้อแล้วก็จ�าเป็นต้องท�าความเข้าใจ              Gia vị chủ yếu của mắm ruốc là gừng, riềng giã nhỏ, vắt
           ถึงข้อเสียที่ตามมาไปด้วยเลยนั่นก็คือการที่สินค้าที่ผู้บริโภคในประเทศที่มีการตั้ง              một ít nước chanh là vừa.
           ก�าแพงภาษีซื้อจะมีราคาแพงขึ้นแน่นอน เพราะการที่สินค้าที่ผลิตในประเทศ  (สา หวิ จู๋ เอี๋ยว กั๋ว หมัม สวก หล่า กึ่ง เสี่ยง ซา หญอ วัต โหมต อี๊ต เนื้อก จัญ หล่า เหวื่อ)

           จ�าเป็นต้องได้รับความคุ้มครองมีสาเหตุมาจากผลิตสู้ต่างชาติไม่ได้หรือต้นทุนสูงกว่า     เครื่องปรุงส�าหรับหมัมซวกคือขิง ข่าบด เติมน�้ามะนาวเล็กน้อย แค่นี้เพียงพอ
           นั่นเอง ดังนั้นเมื่อต้องขึ้นภาษีขาเข้าท�าให้สินค้าต่างชาติราคาแพงขึ้นก็แปลว่า                      Mắm cá   (หมัม ก๊า)  ปลาร้า
                                                                                       หรือเรียกว่า Mắm cá linh (หมัม ก๊า ลิญ) ที่ประเทศเวียดนามก็มีการ
           คนในประเทศจะต้องใช้ของแพงแน่นอน ซึ่งข่าวที่ก�าลังฮ็อตอยู่ในตอนนี้ก็คือ    ท�าปลาร้า โดยอาจใช้ได้ทั้งปลาตัวเล็ก และปลาตัวใหญ่ บางแห่งมีการใช้ปลาช่อน
           คนอเมริกันมีหวังต้องซื้อ IPhone รุ่นที่จะออกใหม่ปลายปีนี้แพงขึ้นกว่าปกติแน่ๆ   ปลาตะเพียน ไปหมักเป็นปลาร้า เพื่อน�ามาทอดรับประทาน จะสังเกตได้ว่า จะไม่ใช้

           (จากที่ก็แพงอยู่แล้ว) และไม่ใช่แค่ไอโฟนเท่านั้น ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้  ปลาทะเลเป็นวัตถุดิบในการท�าปลาร้า
           ของทรัมป์ยังวิเคราะห์ไว้ว่าจะมีสินค้าอื่นที่ราคาแพงขึ้นตามมาอีกมากโดยเฉพาะ     ปลาร้า เป็นอาหารที่แพร่หลายในภูมิภาคตะวันตกของประเทศเวียดนาม
           รถยนต์ ซึ่งราคาจะแพงขึ้นแค่ไหนก็อยู่ที่ว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต  ดังจะกล่าวได้ว่า
           ภายในประเทศของสหรัฐฯ พอจะทดแทนการน�าเข้าได้ดีเพียงใด โดยเฉพาะเรื่อง         Mắm cá linh đặc sản miền tây.

           การผลิตรถยนต์ซึ่งสหรัฐฯ ต้องการฟื้นฟูอุตสาหกรรมรถยนต์ให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้น     (หมัม ก๊า ลิญ ดั่ก สาน เหมี่ยน เตย)
           อีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เมืองอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเช่น Detroit ต้องกลายเป็น     ปลาร้าเป็นอาหารพิเศษประจ�าภูมิภาคตะวันตก
           เมืองของโรงงานร้างที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม (ถ้าใครพอจ�าได้เมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว                         Mì chín  (หมี่ จี๊น)  ผงชูรส
           ไทยเรายังเคยตั้งเป้าจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์หรือดีทร้อยท์แห่งเอเชียอยู่เลย)      เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า bột ngọt (โบ่ท หง็อต) เป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหาร

                  ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งที่ส�าคัญของการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าก็คือการ  โดยเชื่อกันว่าหากใส่ผงชูรสแล้วจะท�าให้อาหารอร่อยมากขึ้น
           เกิดสงครามการค้าหรือ Trade War ตามมา และถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นสงครามแล้วก็      เราจะพบผงชูรสเจือปนอยู่กับอาหารต่าง ๆ ทั้งที่เป็นอาหารปรุงสดใหม่
           ย่อมไม่เกิดผลดีกับฝ่ายใดทั้งสิ้น ประเทศที่เคยส่งออกและได้เปรียบดุลการค้าก็จะ  ตามร้านอาหาร หรือ อาหารกึ่งส�าเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งส�าเร็จรูป จะพบว่าในเครื่องปรุง
           พบว่าส่งออกลดลงซึ่งย่อมกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน  เหล่านั้นจะมีส่วนผสมของผงชูรสและเกลืออยู่เป็นปริมาณมาก

           ไม่มากก็น้อย และเนื่องจากมีการตอบโต้ด้วยการตั้งก�าแพงภาษีเช่นกันก็จะท�าให้     Gia vị của mì thường chứa mì chin  và một lượng lớn muối.
           ได้รับผลจากการที่ผู้บริโภคในประเทศจะต้องซื้อของแพงขึ้นด้วย                  (ซา หวิ กั๋ว หมี่ เถื่อง เจื๊อ หมี่ จี๊น หว่า โหมต เหลื่อง เหลิน หมวย)
                                                                                     (อ่านต่อหน้า 11)     หากเราแพ้ผงชูรส ไม่อยากให้คนท�าอาหารใส่ผงชูรส เมื่อเราสั่งอาหาร
                                                                                ต้องบอกกับเขาว่า “không mì chín” (คง หมี่ จี๊น)
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10